Selective rack กับ Drive in rack ต่างกันอย่างไร ?

ชั้นวางแบบ Drive-In และชั้นวางแบบ Selective เป็นสองรูปแบบของระบบการจัดเก็บในคลังสินค้าที่มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน นี่คือภาพรวมของความแตกต่างที่สำคัญระหว่างทั้งสองแบบ 

การเข้าถึง:

ชั้นวางแบบ Drive-In: ในระบบชั้นวางแบบ Drive-In รถฟอร์คลิฟต์จะขับเข้าไปในช่องของชั้นวางเพื่อเข้าถึงและดึงสินค้าที่จัดเก็บไว้ ระบบนี้ใช้วิธีจัดเก็บสินค้าแบบเข้าไปก่อนออกก่อน (LIFO) หมายความว่าสินค้าที่ย้ายเข้าล่าสุดจะถูกดึงออกก่อน การเข้าถึงจำกัดเฉพาะที่ด้านหน้าเป็นหลัก

ชั้นวางแบบ Selective: ชั้นวางแบบ Selective ช่วยให้รถฟอร์คลิฟต์เข้าถึงสินค้าจากทุกมุมของชั้นวาง (ด้านหน้า ด้านหลัง หรือด้านข้าง) ระบบนี้สามารถใช้วิธีการจัดเก็บสินค้าแบบเข้าไปก่อนออกก่อน (FIFO) หรือเข้าไปก่อนออกที่หลัง (LIFO) ขึ้นอยู่กับการจัดเรียงของชั้นวางและการเข้าถึงของผู้ปฏิบัติการ

ความหนาแน่นในการจัดเก็บ:

ชั้นวางแบบ Drive-In: ชั้นวางแบบ Drive-In มีความหนาแน่นในการจัดเก็บสูง เนื่องจากสามารถจัดวางสินค้าลึกเข้าไปในชั้นวาง ช่วยเพิ่มการใช้พื้นที่ได้มาก เหมาะสำหรับจัดเก็บสินค้าที่มีปริมาณมากและประเภทเดียวกัน

ชั้นวางแบบ Selective: ชั้นวางแบบ Selective ช่วยให้เข้าถึงสินค้าโดยตรงจากที่ใดก็ได้ในชั้นวาง ทำให้สามารถเลือกและดึงสินค้าที่หลากหลายได้อย่างรวดเร็ว แต่มันไม่ได้มีความหนาแน่นในการจัดเก็บสูงเท่ากับระบบ Drive-In

รูปแบบการจัดวาง:

ชั้นวางแบบ Drive-In: การจัดวางของชั้นวางแบบ Drive-In มีเลนเฉพาะสำหรับรถฟอร์คลิฟต์เข้าไปและเข้าถึงสินค้า รูปแบบนี้อาจจำกัดการเคลื่อนที่และต้องการการขับรถฟอร์คลิฟต์อย่างแม่นยำ

ชั้นวางแบบ Selective: ชั้นวางแบบ Selective มักประกอบด้วยแถวของชั้นวางที่มีช่องว่างระหว่างกัน ช่วยให้เข้าถึงสินค้าได้ง่ายและรวดเร็วจากมุมต่าง ๆ

การใช้งาน:

ชั้นวางแบบ Drive-In: ระบบนี้เหมาะสำหรับการจัดเก็บสินค้าจำนวนมากและประเภทเดียวกัน เช่น พาเลทของสินค้าประเภทเดียวกัน เหมาะสำหรับสินค้าที่มีอัตราการหมุนเวียนต่ำ

ชั้นวางแบบ Selective: ชั้นวางแบบ Selective มีความหลากหลายและมีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับการจัดเก็บสินค้าที่หลากหลายและมีรหัสสินค้าแตกต่างกัน เหมาะสำหรับสภาวะแวดล้อมที่สินค้ามีอัตราการหมุนเวียนสูงและต้องการการเข้าถึงที่รวดเร็ว

 สรุปแล้ว ชั้นวางแบบ Drive-In มุ่งเน้นการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บและเหมาะสำหรับการจัดเก็บสินค้าจำนวนมากและประเภทเดียวกัน ขณะที่ชั้นวางแบบ Selective ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการเข้าถึงและเหมาะสำหรับสภาวะแวดล้อมที่มีสินค้าหลากหลายประเภท